ดร. ปฏิมา จีระแพทย์ กรรมการผู้จัดการ คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชันแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากผลสำรวจของคอลลิเออร์แสดงให้เห็นว่า กรุงเทพมหานครมีพื้นที่สำนักงานรวมประมาณ 7,900,000 ตารางเมตร ในขณะที่สิงคโปร์มีเกินกว่าเจ็ดล้านตารางเมตรอยู่เพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ สถานภาพอันแข็งแกร่งของกรุงเทพฯเป็นตัวกระตุ้นที่ดีในการที่จะได้รับ ประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 "ภาคการบริการเป็นปัจจัยสำคัญของความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 และการที่กรุงเทพฯมีปริมาณพื้นที่สำนักงานอยู่มากพอสมควรประกอบกับมีความ เป็นไปได้ที่จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นนั้นเป็นข้อได้เปรียบอย่างมหาศาล" ดร.ปฏิมาแสดงข้อคิดเห็นด้วยว่า ศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของกรุงเทพฯในฐานะผู้ให้บริการสำคัญในทศวรรษที่จะมาถึง เป็นเมืองที่มีที่ดินที่เหมาะสำหรับพัฒนาอาคารสำนักงานอีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณใกล้เส้นทางขนส่งมวลชน รวมทั้งอัตราค่าเช่ายังแข่งขันภายในอาเซียนได้ นายแอนโทนี พิคอน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์สฯให้ข้อมูลว่าเมืองอื่นๆ เช่น มะนิลา จาการ์ตา และกัวลาลัมเปอร์ถึงจะมีปริมาณพื้นที่น้อยกว่าแต่ก็ไม่มากนัก อุปทานส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯสร้างขึ้นในยุค 1990 "เมืองอื่นๆ กำลังไล่ตามมา แต่การเปิดภาคบริการในประเทศไทยนั้นน่าจะก่อให้เกิดคลื่นลูกใหม่ในการพัฒนา อาคารสำนักงาน ซึ่งกิจกรรมทางการค้าในประเทศไทยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงเทพฯ ในขณะที่ประเทศอื่นมีการกระจายตัวมากกว่า เช่น ในฟิลิปปินส์ ตลาดอาคารสำนักงานที่เซบูมีขนาดใหญ่ อินโดนีเซียที่สุราบายา มาเลเซียที่ปีนัง ส่วนเวียดนามก็มีตลาดอาคารสำนักงานในฮานอยและดานังด้วย ขณะที่ในประเทศไทยมีอยู่ที่กรุงเทพฯเท่านั้น" ทั้งนี้ องค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งของเออีซีคือ การอนุญาตให้สัดส่วนทุนต่างประเทศจากประเทศภายในอาเซียนมาลงทุนในภาค อุตสาหกรรมบริการภายในประเทศได้ถึง 70% ภายในปี 2558 ในขณะที่ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมบริการหลายประเภทที่มีศักยภาพในการแข่งขันใน ภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมและไอที แต่บริษัทต้องพัฒนาทักษะพนักงานให้มีศักยภาพเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายเป็น แชมป์ในระดับภูมิภาค |
แซงหน้าสิงคโปร์! เผยไทยมีฟื้นที่สำนักงานให้เช่า 7.9 ล้านตารางเมตร สูงที่สุดในอาเซียน
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment